เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กลายเป็นรายที่ 6! ย้อนดู 5 นักเตะระดับตำนานจาก ลิเวอร์พูล ที่เลือกย้ายไป เรอัล มาดริด ใครรุ่งใครร่วงมาดูกันแบบจัดเต็ม!
เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวา ลิเวอร์พูล ประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า จะอำลาถิ่น แอนฟิลด์ หลังจบฤดูกาลนี้ และเตรียมที่จะไปซบ เรอัล มาดริด แบบไม่มีค่าตัว
อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ วัย 26 ปี จะเป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล รายที่ 6 ที่ลาทีมแล้วไปเล่นให้ เรอัล มาดริด โดยก่อนหน้านี้ 5 คนเป็นใครบ้างไปดูกันได้เลย
1. สตีฟ แม็คมานามาน ปี 1999
แม็คมานามาน ลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล ไปทั้งหมด 364 นัด ทำได้ 66 ประตู ก่อนย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด แบบไม่มีค่าตัวในปี 1999
ปีกจอมลีลา อยู่กับ เรอัล มาดริด ถึงปี 2003 โดยลงเล่นไป 158 เกม ยิง 14 ประตู ทำ 20 แอสซิสต์ คว้าแชมป์ 8 รายการ รวมถึง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัยในฤดูกาล 1999/2000 และ 2001/02
2. ไมเคิ่ล โอเว่น ปี 2004
กองหน้าดีกรีทีมชาติอังกฤษ อำลา ลิเวอร์พูล ไปเล่นให้ เรอัล มาดริด เมื่อปี 2004 ด้วยค่าตัวราว 8 ล้านปอนด์ (ประมาณ 352 ล้านบาท) หลังเหลือสัญญาปีสุดท้าย
โอเว่น ไม่ประสบความสำเร็จกับ เรอัล มาดริด โดยลงเล่นไป 45 เกม ทำได้ 16 ประตู 4 แอสซิสต์ ก่อนโดนปล่อยมาให้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในปี 2005
3. เจอร์ซี่ ดูเด็ค ปี 2007
ผู้รักษาประตูทีมชาติโปแลนด์ ประสบความสำเร็จกับ ลิเวอร์พูล ได้ทั้งแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และ คอมมิวนิตี้ ชิลด์
ดูเด็ค อำลา ลิเวอร์พูล ไปเฝ้าเสาให้ เรอัล มาดริด แบบไม่มีค่าตัวในปี 2007 แต่เป็นแค่มือสองลงเล่น 18 นัดตลอดระยะเวลา 4 ปี
4. อัลบาโร่ อาร์เบลัว ปี 2009
แบ็กทีมชาติสเปน อำลา ลิเวอร์พูล ไปเล่นให้ เรอัล มาดริด ในปี 2009 ด้วยค่าตัวราว 4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 176 ล้านบาท)
อาร์เบลัว ลงสนามให้ “ราชันชุดขาว” ทั้งหมด 238 เกม ทำได้ 6 ประตู 15 แอสซิสต์ คว้าแชมป์ 8 รายการรวมถึง แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัยในฤดูกาล 2013/14 และ 2015/16
5. ชาบี อลอนโซ่ ปี 2009
กองกลางทีมชาติสเปน ย้ายจาก เรอัล โซเซียดาด มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ปี 2004 ก่อนไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ในปี 2009 ด้วยค่าตัว 30 ล้านยูโร (ประมาณ 1,080 ล้านบาท)
อลอนโซ่ ลงเล่นให้ เรอัล มาดริด 236 นัด ทำได้ 6 ประตู 31 แอสซิสต์ คว้าแชมป์ 6 รายการ ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค เมื่อปี 2014
อิเกร์ กาซิยาส
ผู้รักษาประตูดาวโรจน์รายนี้เติบโตมาจากอคาเดมีของเรอัล มาดริด และยึดมือหนึ่งของทีมชุดใหญ่ได้ตั้งแต่อายุเพียง 18 ปี
ในฤดูกาล 2003/04 เขายังคงฉายแววเด่นเกินวัย ด้วยการเฝ้าเสาไป 50 นัด เก็บได้ 10 คลีนชีท
หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ยังคงเป็นกำลังสำคัญ และสวมปลอกแขนกัปตันทีมต่อจากราอูล พาโลส บลังโกสไล่ล่าความสำเร็จนานนับทศวรรษ พร้อมทำสถิติเป็นนักเตะที่ลงสนามมากที่สุดอันดับ 2 ของสโมสรที่จำนวน 725 นัด เก็บได้ 264 คลีนชีท ก่อนย้ายไปแขวนถุงมือกับปอร์โต้
มิเชล ซัลกาโด้
แบ็คขวาสแปนิช ย้ายจากเซลต้า บีโก้ มาร่วมทัพชุดขาว ในปี 1999 และยึดตัวจริงทางกราบขวาได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรก
เชายังคงได้รับโอกาสสม่ำเสมอในฤดูกาล 2003/04 ด้วยการลงสนามไป 54 นัด ทำได้ 1 ประตู 4 แอสซิสต์
เจ้าตัวฝากสถิติรวมไว้ที่ 371 นัด ยิง 5 ประตู 25 แอสซิสต์ ก่อนย้ายไปเล่นให้แบล็คเบิร์น และแขวนสตั๊ดกับอินดิเพนเดนเต้
โรแบร์โต้ คาร์ลอส
แบ็คซ้ายบราซิเลียน ย้ายมายังซานติอาโก้ เบร์นาเบว ในปี 1996 และสร้างชื่อโด่งดังไปทั่วโลกในฟุตบอลโลกปี 1997 จากการยิงฟรีคิก “บานานา ชู้ต”
ในฤดูกาล 2003/04 เขายึดตัวจริงทางกราบซ้ายได้อย่างเหนียวแน่น โดยทำไป 9 ประตู 11 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 49 นัด
เจ้าตัวลงเล่นไปทั้งสิ้น 527 นัด ทำได้ 69 ประตู 89 แอสซิสต์ ก่อนย้ายซบเฟเนร์บาห์เช, โคลินเทียนส์ ,อันชี และรีไทร์กับเดลี ไดนาโมส์ ในปี 2015
ซีเนดีน ซีดาน
กองกลางเฟร้นช์แมน โชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงกับยูเวนตุส จนถูกเรอัล มาดริด ทุ่มเงินถึง 77.5 ล้านยูโร คว้าตัวมาร่วมทีมในปี 2001
ในฤดูกาล 2003/04 แม้จะเริ่มเข้าสู่ช่วงปลายอาชีพค้าแข้ง แต่เขาก็ยังรักษาฟอร์มเก่งไว้ได้ ด้วยการทำไป 10 ประตู 14 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 50 นัด
เจ้าตัวแขวนสตั๊ดกับโลส บลังโกส ในปี 2006 และปัจจุบันก็คือกุนซือสมองเพชรที่พาสโมสรประสบความสำเร็จตลอดหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงยึดจ่าฝูงของลาลีกาขณะนี้
อิบัน เอลเกรา
นักเตะสารพัดประโยชน์ ผู้เล่นได้ทั้งมิดฟิลด์ตัวรับ และกองหลัง ย้ายจากเอสปันญอลมาร่วมทัพราชันชุดขาว ในปี 1999
เขาได้ลงเล่นในฤดูกาล 2003/04 ไป 45 นัด ยิง 3 ประตู 1 แอสซิสต์
เจ้าตัวฝากสถิติรวมไว้ที่ 346 นัด ยิง 33 ประตู 14 แอสซิสต์ ก่อนย้ายไปปิดฉากอาชีพค้าแข้งกับบาเลนเซียในปี 2005
ราอูล กอนซาเลซ
กองหน้าชาวสเปน เติบโตมาจากลา ฟาบริกา และกลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่เคยประเดิมสนามให้มาดริด ด้วยวัยเพียง 17 ปี 124 วัน
ในฤดูกาล 2003/04 เขารับหน้าที่กัปตันทีม และลงสนามไป 53 นัด ซัด 20 ประตู 6 แอสซิสต์
เจ้าตัวโบกมือลาสโมสรในปี 2010 พร้อมฝากสถิติเป็นนักเตะที่ลงสนามมากที่สุดและทำประตูสูงสุดให้สโมสรที่จำนวน 741 นัด ซัด 325 ประตู (ก่อนถูกคริสเตียโน โรนัลโด้แซงในภายหลัง) ปัจจุบันเขารับงานเป็นผู้จัดการทีมสำรองของราชันชุดขาว (กาสติญา)
บอร์ฆา แฟร์นันเดซ
กองกลางชาวสเปน ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เติบโตมาจากลา ฟาบริกา และประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 2003/04
โดยฤดูกาลแรกกับบราชัน ด้วยอายุและประสบการณ์ที่ยังน้อย ทำให้บทบาทส่วนใหญ่ของเขาคือการเป็นตัวสำรองที่ได้ลงสนามไป 24 นัด
เจ้าตัวถูกปล่อยยืมให้มายอร์ก้าในปี 2005 ก่อนขายขาดให้บายาโดลิด ในปีถัดมา หลังจากนั้นก็พเนจรไปเล่นให้กับหลายสโมสร และกลับมาแขวนสตั๊ดกับบายาโดลิดในปี 2019
โรนัลโด้
ดาวยิงชาวบราซิล เจ้าของฉายา “โล้นทองคำ” ย้ายจากอินเตอร์ มิลาน มาซบราชันชุดขาวในปี 2002 และก็ยิงประตูเป็นกอบเป็นกำตั้งแต่ฤดูกาลแรก
ในฤดูกาล 2003/04 เขาก็ยังคงยิงกระจายด้วยการซัดไป 31 ประตู 13 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 48 นัด
เจ้าตัวทำได้ 104 ประตู 35 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 177 นัด ก่อนย้ายกลับอิตาลีไปเล่นให้เอซี มิลาน ในปี 2007 และรีไทร์กับโครินเทียนส์ ในปี 2011
หลุยส์ ฟิโก้
แนวรุกโปรตุกีส ย้ายข้ามฟากจากคู่แข่งตลอดกาลอย่างบาร์เซโลนา มาเล่นให้เรอัล มาดริด ในปี 2000 ด้วยค่าตัวถึง 60 ล้านยูโร
ในฤดูกาล 2003/04 เขาเป็นกำลังหลักของทีมที่ลงสนามไป 54 นัด ทำได้ 13 ประตู 17 แอสซิสต์
เจ้าตัวฝากผลงานรวมไว้ที่ 245 นัด ซัด 56 ประตู 93 แอสซิสต์ ก่อนไปค้าแข้งกับอินเตอร์ มิลาน แบบไร้ค่าตัวในปี 2006 ปัจจุบันเขาคือที่ปรึกษาด้านฟุตบอลของสหพันธ์ลูกหนังยุโรป
ฆาเบียร์ ปอร์ตินโญ
หัวหอกดาวโรจน์ ผู้เติบโตมาจากลา ฟาบริกา ทำลายสถิติของราอูลในทีมเยาวชน ด้วยการซัดไปถึง 150 ประตู ก่อนถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2002
ในฤดูกาล 2003/04 เขามีบทบาทเป็นเพียงตัวสำรองที่ได้ลงสนามช่วงท้ายเกม และทำไปเพียง 2 ประตู จาก 30 นัด
เจ้าตัวไม่สามารถก้าวผ่านคำว่าดาวรุ่งได้ ทำให้ถูกปล่อยยืมตัวไปเล่นให้ฟิออเรนตินา และคลับ บรูจจ์ ก่อนย้ายซบกิมนาสติก แบบไร้ค่าตัวในปี 2006กูตี
มิดฟิลด์สแปนิชรายนี้ก็เติบโตมาจากลา ฟาบริกา และได้โอกาสกับทีมชุดใหญ่ในเกมกับเซบีญา ในปี 1995
เขารับบทบาทเป็นรองผู้จัดการทีมในฤดูกาล 2003/04 และลงสนามไป 45 นัด ทำได้ 3 ประตู 3 แอสซิสต์
เจ้าตัวลงเล่นรวมทั้งสิ้น 542 นัด ทำได้ 77 ประตู 90 แอสซิสต์ ก่อนย้ายไปปิดฉากอาชีพค้าแข้งกับเบซิคตัสในปี 2010 หลังแขวนสตั๊ดเขาก็เดินหน้ารับงานโค้ช และเพิ่งแยกทางกับอัลเมเรียเมื่อสิ้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
