6 วันหลังจาก เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยืนยันว่าจะไปจาก ลิเวอร์พูล เมื่อหมดสัญญา
การถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรอง และหลาย ๆ จังหวะที่เขาสัมผัสบอลจากเกมล่าสุด มันก็เกิดเสียงโห่จากแฟนบอลบางส่วนในสนามแอนฟิลด์
อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ โดนโห่กลาง แอนฟิลด์
เสียงดังกล่าวดังขึ้นตั้งแต่ก่อนเริ่มเกม และเสียงเหล่านั้นทิ่มแทงใจเข้าเต็ม ๆ เมื่อ เทรนต์ ถูกเปลี่ยนตัวลงแทน คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ ตอนนาทีที่ 66
อย่างไรก็ตาม เสียงโห่ก็ถูกแทรกด้วยเสียงปรบมือ ซึ่งพออนุมานได้ว่า ไม่ใช่แฟนบอลทั้งหมดที่จ้องแต่จะโห่ใส่คนที่กำลังจะอำลาทีมไป
ผลงานของทายาทแบ็กขวา แบร็ดลี่ย์ แสดงให้เห็นว่าตัวเองก็มีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่จะสืบทอด
ความสามารถของหนุ่มไอร์แลนด์เหนือวัย 21 ปีคือการผสมผสานเกมรับที่เหนียวแน่นกับการเติมเกมรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กระทั่ง… แฟนบอลเริ่มร้องเพลง “There’s only one Conor Bradley” ดังต่อเนื่องแม้เจ้าตัวจะถูกเปลี่ยนตัวออกไปแล้ว
หน้าที่เล่นเกมรับของ แบร็ดลีย์ ถูกทดสอบในช่วงต้นครึ่งหลัง เมื่อ เลอันโดร ทรอสซาร์ เล่นงานจนทำให้เขาคิดมากเกินไปในจังหวะที่ อาร์เซน่อล ยิงประตูแรก
ทรอสซาร์ หลุดผ่าน แบร็ดลี่ย์ ก่อนจะเปิดให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ทำประตูได้
แบร็ดลี่ย์ โดนใบเหลืองในช่วง 15 นาทีที่เจอความลำบาก แต่เขาก็เรียกสติกลับมาด้วยการเข้าสกัดสำคัญเพื่อหยุด ปีกแซมบ้า อีกครั้ง
…
หนึ่งในเอกลักษณ์สำคัญของ ลิเวอร์พูล ภายใต้เฮดโค้ชอาร์เน่อ คือการวิ่งทะลุแนวรับ
เขาเคยกล่าวไว้หลังเกมชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 3-1 ตอนเดือนธันวาคมว่า “การวิ่งทะลุแนวลึกอาจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในเกมฟุตบอล”
อธิบายได้ก็คือ การวิ่งของผู้เล่นแนวรุกเข้าไปในพื้นที่หลังแนวรับของคู่แข่ง หรือการวิ่งทะลุแนวรับเพื่อไปอยู่ในตำแหน่งที่มีโอกาสทำประตู
การวิ่งแบบนี้ช่วยให้แนวรับของฝ่ายตรงข้ามแตกกระจาย เกิดช่องว่าง หรือทำให้เพื่อนร่วมทีมมีพื้นที่เล่นมากขึ้น
แม้ ลิเวอร์พูล จะมีนักเตะแนวรุกที่มีเทคนิคดี ๆ แต่จุดที่ทำให้พวกเขาเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้คือความดุดันและความทุ่มเทในการวิ่งหาพื้นที่โดยไม่ต้องครองบอล
สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในเกมที่ผ่านมา เมื่อพวกเขายืดแนวรับ “เดอะ กันเนอร์ส” ออกได้ตลอดเวลา
ประตูของ หลุยส์ ดิอาซ มาจากการวิ่งทำทางของ โดมินิค โซโบซไล และ แบร็ดลีย์ ซึ่งวิ่งสอดเข้าไปด้านในของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ได้บอลจากกลางสนาม
การวิ่งทะลุของ โซโบซไล ทำให้เขาได้บอลในพื้นที่หลังแนวรับ อาร์เซน่อล ก่อนจะจ่ายเรียดให้ ดิอาซ ยิงเข้าไปง่าย ๆ
จากข้อมูลของ SkillCorner แสดงให้เห็นว่า ลิเวอร์พูล มีสถิติการวิ่งของผู้เล่นแนวรุกที่แทรกเข้าไปในพื้นที่ด้านใน (Underlapping runs) อยู่ในระดับ 74 จาก 99 และการวิ่งทะลุแนวรับ (Runs in behind) อยู่ที่ 71 จาก 99 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูงที่สุดของแต่ละทีมในฤดูกาลนี้
ความแตกต่าง Underlapping runs กับ Overlapping runs ก็คือ
Underlap เป็นลักษณะวิ่งแทรกเข้า “ด้านใน” ของเพื่อนที่มีบอล (เข้าทางครึ่งสนาม) แบ็ก,มิดฟิลด์ หรือวิงแบ็กที่วิ่งสอดในช่องแคบ ตัวอย่างคือ โซโบซไล วิ่งเข้าด้านในจากริมเส้นไปกรอบเขตโทษ
ส่วน Overlap คือ วิ่งอ้อมด้าน “นอก” ของเพื่อนที่มีบอลเพื่อไปเติมเกมรุกริมเส้น ตำแหน่งที่พบบ่อยคือ แบ็กซ้าย/ขวา วิ่งเติมเกมนอกปีก เช่น โรเบิร์ตสัน วิ่งซ้อนด้านนอก ดิอาซ
ขณะเดียวกัน Runs in behind ความหมายคือ การวิ่งตัดหลังแนวรับเข้าเขตโทษเพื่อรับบอลทะลุ ซึ่งก็คือชอตที่ ดิอาซ วิ่งแซงหลังแนวรับ อาร์เซน่อล เพื่อรอรับบอลจาก โซโบซไล มันจะคล้ายกับการวิ่งหาช่องหรือสอดไปด้านหลังที่กองหน้าหลุดกับดักล้ำหน้าแล้วไปทำสกอร์
ซึ่งจุดเด่นของ Runs in behind คือ ใช้ความเร็วและไหวพริบเจาะแนวรับที่ดันสูง, บังคับให้กองหลังถอย ทำให้มีช่องว่างระหว่างแนวรับ-กลาง และสร้างจังหวะจบสกอร์ที่อันตรายและรวดเร็วมาก
…
สกาย สปอร์ตส์ ยิงคำถามใส่ อาร์เน่อ เกี่ยวกับเสียงโห่ เทรนต์
“ทุกคนมีสิทธิ์มีความคิดเห็น ที่ ลิเวอร์พูล ก็เช่นกัน” เฮดโค้ชดัตช์กล่าว
“มีหลายคนที่ไม่พอใจ แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่ได้คิดแบบนั้น ทุกคนสามารถมีมุมมองของตัวเองได้”
“สำหรับผมแล้วมันง่ายมาก : ผมมีหน้าที่ต่อทีม, ต่อแฟนบอล และต่อทุกคนในการส่งผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนามเพื่อคว้าชัยชนะให้ได้”
“เทรนต์ เปิดบอลได้อย่างเหลือเชื่อสองหรือสามครั้ง และเราก็เกือบชนะได้เพราะเขา ผมจะหนุนหลังลูกทีมของผมเสมอ”
จากนั้นผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เทรนต์ รู้สึกตกใจกับเสียงโห่ที่ดังขนาดนั้นไหมตอนลงสนาม ซึ่ง อาร์เน่อ ก็ตอบว่า
“ผมไม่รู้เหมือนกัน อย่างแรกเลยคือ แฟนบอลร้องเพลงให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กับ คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม และ คอเนอร์ ก็สมควรได้รับสิ่งนั้น”
“ผมคิดว่าก่อนที่ เทรนต์ จะยิงฟรีคิก ก็มีแฟนบอลจำนวนไม่น้อยที่ปรบมือให้เขาและหวังให้เขาทำประตูได้”
“เราควรหยุดโฟกัสแค่แฟนที่โห่ เพราะยังมีอีกหลายคนที่แสดงพลังบวกออกมา”