ยูโรปาลีก นัดชิงฯ จบไปแล้ว แต่คำถามยังค้างในหัวแฟนผีทั้งโลก
แมนยู 4 ปีผ่านไป แมนยู ไม่เรียนรู้อะไรเลย ยูโรปาลีก นัดชิงฯ จบไปแล้ว แต่คำถามยังค้างในหัวแฟนผีทั้งโลก
“ไก่เดือยทอง” ปลดล็อก 17 ปี ฝั่ง “ผีแดง” ยังจมในหลุมเดิม
ขอแสดงความยินดีกับแฟนสเปอร์สทุกคนอย่างจริงใจ
คุณคู่ควรกับการฉลอง หลังรอคอยโทรฟี่ใบใหญ่ถึง 17 ปี! ทีมของอังเก้ ปอสเตโคกลู เล่นด้วยความเฉียบคมและเยือกเย็น และ “ทีเด็ดทีขาด”
นั่นแหละที่ แมนยู ไม่มี
ใช่ครับ แข้งผีครองเกม ยิงเยอะ ครองบอล 74% สร้างโอกาส 16 ครั้ง ตรงกรอบ 6
แต่แพ้ แพ้ด้วยประโยคเดิม ๆ “ยิงไม่เข้า-โดนสวน–จบ” เหมือนกดลูปซ้ำตั้งแต่ยุคโอเล่
ย้อนกลับไปยูโรปาลีก 2021 ที่กดันส์ค, โปแลนด์ แมนยู ก็ครองบอลมากกว่า ยิงมากกว่า แต่จบด้วยการแพ้จุดโทษบียาร์เรอัล 10-11
ปีนี้ที่บิลเบา ยิงเยอะ ครองบอลเป็นหลัก แต่มาโดนทีเด็ดลูกเดียวของสเปอร์ส ปิดเกม 0-1
ย้อนดู 2021 ยังพอได้ตั๋ว UCL เพราะจบอันดับ 2 ในลีก แต่ 2025 นี่เหมือนถูกสาปซ้ำสอง แพ้นัดชิง + หลุดจากท็อป 7 หมดสิทธิ์ทุกถ้วยในยุโรป
พูดกันตรง ๆ แรง ๆ นี่คือ “ล้มเหลวซ้ำซาก”
และคำถามคือใครต้องรับผิดชอบ?
คำตอบง่ายมาก
ทุกคน ตั้งแต่เจ้าของสโมสร บอร์ดบริหาร ทีมโค้ช ยันนักเตะที่ยังไม่มีใคร “รู้จักเสื้อผีดีพอ”
นี่คือ 4 จุดเปลี่ยนที่อยากจะขอให้เกิด ไม่รู้ว่าขอมากไปหรือเปล่า?
1 เปลี่ยนผู้รักษาประตู
ทั้งมือ 1-2 ตอนนี้คือ”ระเบิดเวลา” ที่พร้อมพลาดทุกเมื่อ เสี่ยงเกินไปกับทีมระดับแมนยู
2 แนวรับ: รีเซ็ตทั้งแผง
นอกจาก เดอ ลิกต์, มาซราวี, โยโร่ ตลอดจน เฮฟเว่น, ดอร์กู ที่เพิ่งย้ายมา และ เฟรดริคสัน จากอะคาเดมี่ ตัวอื่นไม่ต้องเก็บไว้แล้ว ถ้าเลี้ยงดูปีหน้าก็ยังไม่พัฒนา ก็ขายทิ้งไม่ต้องเสียดาย
3 กองกลาง: ขายได้ขาย ไม่เว้น บรูโน่
ความหวังเดียวคือเงินจากการขายบรูโน่ไปเสริม 2-3 คนที่เข้าใจจังหวะเกมฟุตบอลจริง ๆ ไม่ใช่ตัวพึ่งพิงแบบ “รอดหรือร่วงอยู่ที่จังหวะวูบวาบ”
4 แดนหน้า: ดิยัลโล่ & เซิร์กซี นอกนั้นปล่อยเถอะ
เกมนัดชิงคือเครื่องพิสูจน์ว่าใครเล่นเพื่อตราสโมสร ใครเล่นเพื่อตัวเอง ชัดเจนว่ามีแค่ 2 คนเท่านั้นที่ควรได้โอกาสต่อ
แล้ว อโมริมล่ะ? ควรอยู่หรือไป?
รูเบน อโมริม มีแนวคิดดี มีโครงสร้างบอลที่น่าสนใจ แต่ถ้าเจ้าตัวไม่มีพลังพอจะสั่งให้มีการเปลี่ยนแปลงในทีม ก็น่าห่วงว่า “จะอยู่ครบเทอมหรือเปล่า”
เพราะฟุตบอลสมัยนี้ ไม่รอใครทั้งนั้น
บทสรุป แมนยูวันนี้ ไม่ใช่แค่แพ้ แต่มันคือ “ยังไม่ยอมเปลี่ยน” ในเมื่อยังคงทำสิ่งเดิม ๆ หวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง สุดท้ายก็พัง
ถ้าไม่เริ่มจากรีเซ็ตตั้งแต่รากเหง้า ทีมนี้จะยังจมอยู่กับคำว่า “อดีตที่เคยยิ่งใหญ่” ต่อไปอีกนาน