ตอนนี้นักเตะลิเวอร์พูลบางส่วนเดินทางกลับมารายงานตัวที่ แอกซ่า เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ ท่ามกลางบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบสงบ เนื่องจากพวกเขาเพิ่งสูญเสีย ดีโอโก้ โชต้า กองหน้าชาวโปรตุกีส แต่ทุกอย่างต้องดำเนินต่อไป และทุกคนจำเป็นต้องพร้อมสำหรับฤดูกาล 2025/2026 ที่กำลังจะมาถึงในเร็วๆ นี้
สำหรับกลุ่มนักเตะชุดแรกนำโดย โมฮาเหม็ด ซาลาห์, คอเนอร์ แบรดลี่ย์, โจ โกเมซ, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และ วาตารุ เอ็นโด พร้อมด้วย เจเรมี่ ฟริมปง สตาร์คนใหม่ และบรรดาแข้งดาวรุ่ง
จากกำหนดการเดิมมีนักเตะกลุ่มใหญ่ที่คาดว่าจะกลับมารายงานตัวเมื่อวันจันทร์เพื่อเริ่มต้นการเตรียมความพร้อมสำหรับฤดูกาลใหม่ แต่แผนการเหล่านั้นได้เปลี่ยนไปหลังจากเหตุการณ์เศร้าจากการสูญเสีย โชต้า
อย่างไรก็ตามทุกอย่างจำเป็นต้องดำเนินต่อไป และตอนนี้นักเตะและทีมสตาฟ์กลับมาเริ่มงานของพวกเขาอีกครั้งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ดังนั้นนี่คือสิ่งที่สาวก “เดอะ ค็อป” จะได้เห็นในช่วงเวลาต่อจากนี้
1. การกลับมาที่ แอกซ่า เทรนนิ่ง เซนเตอร์ แบบไม่ครึกครื้น
สถานการณ์ที่นักเตะเดินทางกลับมารวมตัวกันเพื่อเตรียมความพร้อมในช่วงปรีซีซั่นในปีนี้แตกต่างจากหลายๆ ปีที่ผ่านมา โดยปกติแล้วสโมสรจะมีการบันทึกภาพการกลับมาของผู้เล่น แต่ปีนี้คงไม่มีอะไรที่เหมือนเดิม เพราะอะไรเราทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้ว
ในส่วนของแฟนบอล “หงส์แดง” คงต้องติดตามกันว่าสื่อของสโมสรจะนำเสนอการกลับมาของบรรดาขุนพลลิเวอร์พูลหรือไม่ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรหากจะไม่มีการถ่ายทำในช่วงแรก เนื่องจากนักเตะทุกคนยังอยู่ในช่วงทำใจกับการสูญเสียเพื่อนอันเป็นที่รักของพวกเขา
คาดว่านักเตะคงค่อยๆ ทยอยกลับมาเรื่อยๆ โดยแต่ละคนจะเดินทางมาถึงในช่วงเวลาที่ต่างกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพื่อเข้ารับการทดสอบสมรรถภาพร่างกายเบื้องต้นตามลำดับ
2. เริ่มต้นด้วยการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย
นักเตะจะต้องถูกทดสอบอย่างเข้มข้นตั้งแต่ช่วงต้นปรีซีซั่น ด้วยการวิ่ง 6 นาที ซึ่งถูกนำมาใช้เข้ามาแทนที่การทดสอบกรดแลคติกแบบเดิม ตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์แรกของ อาร์เน่ สล็อต ในการคุมทีม
รูเบน ปีเตอร์ส ซึ่งทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายพัฒนาศักยภาพของทีมชุดใหญ่ เป็นผู้ที่ทำการเปลี่ยนแปลงการทดสอบ โดยขอให้นักเตะทดสอบด้วยการวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในเวลาประมาณ 6นาที โดยปกติจะวิ่งรอบสนามที่มีระยะทางรอบละ 400 เมตร
การทดสอบดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อประเมินความเร็วแอโรบิกสูงสุด (ความเร็วที่ต่ำที่สุดที่ VO2 สูงสุดจะเกิดขึ้น) และสตาฟฟ์ด้านพัฒนาศักยภาพจะใช้ข้อมูลนี้เพื่อวางแผนการฝึกซ้อมให้เหมาะกับนักเตะแต่ละคน
หากพูดแบบง่ายๆการทดสอบนี้ก็เพื่อที่จะวัดสภาพความฟิตและความทนทานในการออกกำลังกายแบบเข้มข้น ซึ่งเป็นความสามารถของร่างกายในการใช้ออกซิเจนเพื่อสร้างพละกำลัง
โค้ชความฟิต ต้องการเช็คระดับสภาพความฟิตของนักเตะแต่ละคนหลังใช้เวลาพักผ่อนในช่วงซัมเมอร์ ด้วยการประเมินเป็นรายบุคคลโดยใช้วิธีการ “การทดสอบวิ่ง 6 นาที” หรือ 6MRT รวมกับวิธีอื่นๆ
3. ได้พบกับทีมงานและแข้งใหม่
ลิเวอร์พูล มีทีมสตาฟฟ์บูทรูมใหม่ 2 รายได้แก่ โจวานนี่ ฟาน บรองค์ฮอร์สท์ ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาแทนที่ จอห์น ไฮติงก้า ในตำแหน่งผู้ช่วยโค้ช และชาบี บาเลโร่ ที่รับบทบาทหัวหน้าโค้ชผู้รักษาประตู
ขณะที่ขุมกำลัง “หงส์แดง” จะมีแข้งใหม่เข้ามาเสริมทัพหลายรายได้แก่ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์, ฟริมปง, มิลอส เคอร์เคซ, จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่, อาร์มิน ปีชี่ และ เฟร็ดดี้ วู้ดแมน ที่จะเข้ามาสร้างขุมกำลังเชิงลึกให้กับทีม
ส่วนในกรณีของ มามาร์ดาชวิลี่ เขาอาจกำลังเข้ารับการฝึกซ้อมอยู่ แม้ว่าจะยังไม่ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งเดิมทีการเปิดตัวนั้นมีกำหนดจะเกิดขึ้นเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว แต่ก็อย่างที่ทราบกันดีว่าจำเป็นต้องเลื่อนออกไปเพราะโศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นกับ โชต้า
4. ลิเวอร์พูล จะอุ่นเครื่องปรีซีซั่นเมื่อไหร่ ?
ลูกทีมของกุนซืออาร์เน่อ สล็อต มีโปรแกรมต้องลงสนามปรีซีซั่น 6 แมตช์ใน 3 ประเทศ โดยจะพบกับ 2 สโมสรในอังกฤษ ตามด้วย 1 ทีมจากประเทศอิตาลี, ญี่ปุ่น และสเปน
สำหรับแมตช์แรกของ “หงส์แดง” ในการอุ่นเกือกก็คือการออกไปเยือน เปรสตัน นอร์ธเอนด์ ในวันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคมนี้ จากนั้นก็จะเดินทางไปทัวร์เอเชีย จากนั้นจะกลับมายังดินแดนผู้ดีเพื่อเล่นเกมปรีซีซั่นที่เหลืออยู่ ก่อนปะทะแข้งกับ คริสตัล พาเลซ ในศึกชิงโล่การกุศล คอมมิวนิตี้ ชิลด์
13 ก.ค. – เปรสตัน (ดีพเดล)
26 ก.ค. – เอซี มิลาน (ฮ่องกง)
30 ก.ค. – โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส (ญี่ปุ่น)
4 ส.ค. – แอธเลติก บิลเบา (2 เกมที่แอนฟิลด์)
10 ส.ค. – คริสตัล พาเลซ (เวมบลีย์)
ทั้งนี้ ลิเวอร์พูล จะพบกับ แอธ.บิลเบา 2 แมตช์ในแอนฟิลด์ โดยเกมแรกจะลงแข่งในเวลา 17.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) และอีกเกมจะลงสนามเวลา 20.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น ในวันเดียวกัน ก่อนจะเดินทางไปยังกรุงลอนดอน เพื่อทำศึกคอมมิวนิตี้ ชิลด์
5. การสร้างจิตใจที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญ
หนึ่งในเรื่องที่แฟนบอล “หงส์แดง” คาดว่าจะเกิดขึ้นกับทีมนั่นก็คือการที่ โค้ชอาร์เน่อ และทีมสตาฟฟ์ ต้องกระตุ้นนักเตะ และเตรียมความพร้อมเรื่องสภาพจิตใจ หลังการสูญเสียบุคคลสำคัญอย่าง โชต้า
สำหรับตอนนี้สภาพจิตใจของบรรดาขุนพล “เดอะ เร้ดส์” ค่อนข้างหดหู่อย่างมาก และการกลับมารายงานตัวเพื่อเตรียมทีมยังคงเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบเหงา และขาดความครึกครื้นอย่างมาก
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เรื่องของการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายเท่านั้น แต่ยังต้องมีความพยายามอย่างมากจากโค้ชอาร์เน่อ และทีมสตาฟฟ์ ในการเตรียมความพร้อมทางจิตใจให้กับนักเตะด้วย เพราะไม่มีใครสามารถคาดเดาได้เลยว่าทีมจะตอบสนองต่อการสูญเสียเพื่อนร่วมทีมและเพื่อนสนิทอย่างไร
บางทีพวกเขาอาจรวมพลังกัน มีสมาธิ และมุ่งมั่นจะลงเล่นทั้งฤดูกาลเพื่อทำบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นเกียรติแก่ โชต้า ในทางตรงกันข้ามพวกเขาอาจไม่สามารถกลับมาสู่จุดที่ดีที่สุดของตัวเองได้อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ดังนั้น นายใหญ่ชาวดัตช์ ต้องพยายามที่จะหาแนวทางในการรักษาเยียวยาความรู้สึกของลูกทีมทุกคนให้กลับมาอยู่ในสภาพที่พร้อมสำหรับการสู้ศึกใหญ่ในฤดูกาล 2025/2026
แม้บรรดานักเตะทุกคนจะมีความเป็นมืออาชีพ และพร้อมที่จะมูฟออนจากการสูญเสียครั้งนี้ แต่จำเป็นต้องใช้เวลาและพลังใจอย่างมากเพื่อให้พวกเขากลับมามุ่งมั่นอีกครั้ง ซึ่งนี่คือโจทย์สำคัญสำหรับ โค้ชอาร์เน่อ และทีมงานที่ต้องทำในช่วงปรีซีซั่นนี้
ลิเวอร์พูล ทุกอย่างต้องดำเนินต่อไป ! 5 สิ่งที่เกิดขึ้นกับ ลิเวอร์พูล ในการเตรียมพร้อมช่วงปรีซีซั่น
