ศึกฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ฤดูกาล 2024/25 ได้คู่ชิงเรียบร้อย ซึ่งก็ถือเป็นคู่ชิงในฝันของใครหลายๆ คนด้วย เพราะสองสโมสรดังของอังกฤษอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เข้ามาดวลกันเอง ซึ่งจะฟาดแข้งกันในวันพุธที่ 21 พฤษภาคมนี้ ณ สังเวียนแข้ง ซาน มาเมส เมืองบิลเบา ประเทศสเปน มาลุ้นกันว่า “ปีศาจแดง” จะได้แชมป์สมัยที่สอง หรือเป็น “ไก่เดือยทอง” ได้แชมป์หนที่สาม และนี่คือเส้นทางของทั้งคู่ก่อนเข้ามาถึงรอบชิงดำ
ยูโรปา ลีก
ศึกสายเลือดผู้ดี
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (อังกฤษ)
รอบ ลีก เฟส (อันดับ 4 : 17 แต้ม ชนะ 5, เสมอ 2, แพ้ 1)
– ชนะ คาราบัก (เหย้า) 3-0
– ชนะ เฟเรนซ์วารอส (เยือน) 2-1
– ชนะ อาแซด อัล์คมาร์ (เหย้า) 1-0
– แพ้ กาลาตาซาราย (เยือน) 2-3
– เสมอ อาแอส โรม่า (เหย้า) 2-2
– เสมอ เรนเจอร์ส (เยือน) 1-1
– ชนะ ฮอฟเฟนไฮม์ (เยือน) 3-2
– ชนะ เอลฟ์สบอร์ก (เหย้า) 3-0
รอบ 16 ทีมสุดท้าย
– แพ้ อาแซด อัล์คมาร์ (เยือน) 0-1
– ชนะ อาแซด อัล์คมาร์ (เหย้า) 3-1
(รวมสองนัด ชนะ 3-2)
รอบ 8 ทีมสุดท้าย
– เสมอ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต (เหย้า) 1-1
– ชนะ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต (เยือน) 1-0
(รวมสองนัด ชนะ 2-1)
รอบรองชนะเลิศ
– ชนะ โบโด กริมท์ (เหย้า) 3-1
– ชนะ โบโด กริมท์ (เยือน) 2-0
(รวมสองนัด ชนะ 5-1)
สเปอร์ส ซึ่งเป็นแชมป์สองสมัย (1971/72 และ 1983/84) ผ่านเข้ามาถึงรอบชิงฯ ในรอบ 41 ปี ด้วยผลงานที่น่าประทับใจไม่น้อย ซึ่งสวนทางกับผลงานใน พรีเมียร์ลีก แบบสุดๆ มาลุ้นกันว่ากุนซือ แอนจ์ ปอสเตโคกลู จะพาถ้วยแชมป์มาสู่สโมสรที่ห่างหายจากความสำเร็จนานถึง 17 ปี ได้หรือไม่ เพราะแชมป์ล่าสุดของพวกเขาคือ ลีก คัพ ฤดูกาล 2007/08
———-
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ)
รอบ ลีก เฟส (อันดับ 3 : 18 แต้ม ชนะ 5, เสมอ 3, แพ้ 0)
– เสมอ ทเวนเต้ (เหย้า) 1-1
– เสมอ ปอร์โต้ (เยือน) 3-3
– เสมอ เฟเนร์บาห์เช่ (เยือน) 1-1
– ชนะ พีเอโอเค (เหย้า) 2-0
– ชนะ โบโด กริมท์ (เหย้า) 3-2
– ชนะ วิคตอเรีย เพลเซน (เยือน) 2-1
– ชนะ เรนเจอร์ส (เหย้า) 2-1
– ชนะ เอฟซีเอสบี (เยือน) 2-0
รอบ 16 ทีมสุดท้าย
– เสมอ เรอัล โซเซียดาด (เยือน) 1-1
– ชนะ เรอัล โซเซียดาด (เหย้า) 4-1
(รวมสองนัด ชนะ 5-2)
รอบ 8 ทีมสุดท้าย
– เสมอ โอลิมปิก ลียง (เยือน) 2-2
– ชนะ โอลิมปิก ลียง (เหย้า) 5-4 (ต่อเวลาพิเศษ)
(รวมสองนัด ชนะ 7-6)
รอบรองชนะเลิศ
– ชนะ แอธเลติก บิลเบา (เยือน) 3-0
– ชนะ แอธเลติก บิลเบา (เหย้า) 4-1
(รวมสองนัด ชนะ 7-1)
ใน พรีเมียร์ลีก ช่างมัน แต่ถ้วยนี้ “ปีศาจแดง” ของกุนซือ รูเบน อโมริม ฟอร์มหรูสุดๆ เนื่องจากไม่แพ้ใครเลยตลอดเส้นทางจนถึงรอบชิงฯ (ชนะ 9 เสมอ 5) โดยเฉพาะรอบตัดเชือก ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงเลย เพราะสามารถเอาชนะทีมแกร่งจากสเปนอย่าง แอธเลติก บิลเบา แบบไป-กลับ แถมสกอร์รวมสองนัดขาดลอย 7-1 และนี่คือการเข้าชิงถ้วย ยูโรปา ลีก หนที่สามสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกด้วย ซึ่งสองครั้งก่อนหน้านี้ สมหวังและผิดหวังอย่างละหนึ่งครั้ง (แชมป์ซีซั่น 2016/17, รองแชมป์ซีซั่น 2020/21)
…น่าสนใจเหลือเกินว่า ใครจะเป็นฝ่ายได้เฮในศึกสายเลือดครั้งนี้ เพราะนอกจากจะได้เพิ่มถ้วยรางวัลในตู้โชว์แล้ว ทีมแชมป์ยังจะได้สิทธิ์อัพเกรดขึ้นไปเล่นในถ้วยใหญ่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าอีกด้วย ต่อให้ฤดูกาลนี้มีผลงานสุดย่ำแย่ในลีกทั้งคู่ก็ตาม…