News ข่าวกีฬา ข่าวฟุตบอลลีคไทย

บุรีรัมย์ 3 วัน 3 เกม 3 ถ้วย และความเป็นไปได้ที่ บุรีรัมย์ จะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่!?

บุรีรัมย์3วัน3เกม3ถ้วย-siamsportth

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กำลังเดินหน้าล่าโทรฟี่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งภายในเดือนพฤษภาคม 2025 พวกเขาก็จะได้บทสรุปของฤดูกาลว่าจะจบด้วยการรับถ้วยรางวัลกี่ใบ ซึ่งสามเกมต่อจากนี้จะชี้ชะตาว่าปราสาทสายฟ้าจะเดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ได้หรือไม่ เพราะถ้าสำเร็จ พวกเขาจะเป็นสโมสรแรกในสยามประเทศที่ได้ 4 แชมป์ในซีซั่นเดียว!!

บุรีรัมย์ 3 วัน 3 เกม 3 ถ้วย และความเป็นไปได้ที่ บุรีรัมย์ จะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่!?

โปรแกรมการลุ้นแชมป์ของ บุรีรัมย์ มีดังนี้

Shopee Cup – พุธที่ 21 พฤษภาคม 2025 ชิงชนะเลิศ นัดสอง พบ กง อันห์ ฮา นอย (เวียดนาม)

ช้าง เอฟเอ คัพ – เสาร์ที่ 24 พฤษภาคม 2025 ชิงชนะเลิศ พบ เมืองทอง ยูไนเต็ด 

รีโว่ ลีก คัพ – เสาร์ที่ 31 พฤษภาคม 2025 ชิงชนะเลิศ พบ ลำพูน วอร์ริเออร์

[ 1 ] ปัจจัยสู่เป้าหมาย

บุรีรัมย์ คือสโมสรที่กระหายต่อความสำเร็จอยู่เสมอ เพราะเมื่อมองจากสถิติการคว้าแชมป์ มีเพียงฤดูกาล 2009, 2010, 2019 และ 2020-21 เท่านั้นที่พวกเขาไร้โทรฟี่ใหญ่ติดมือ ซึ่งการที่มีความปรารถนาอยู่ตลอดเวลานี่เองที่เป็นเชื้อไฟให้ปราสาทสายฟ้าต่อยอดความยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม กับถ้วยที่เหลืออยู่ 3 รายการ นั้นพวกขาต้องเผชิญหน้าคู่แข่งที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นสิ่งที่จะทำให้ขุนพลเซราะกราวไปถึงจุดหมายจึงแบ่งเป็นข้อๆ ได้ดังนี้…

– ประสบการณ์ในเกมใหญ่ : ผู้เล่น บุรีรัมย์ เกือบยกชุดต่างก็ผ่านสถานการณ์ที่กดดันมาแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับตัวนักเตะ ยิ่งการได้ ธีราทร บุญมาทัน หายเจ็บกลับมากำกับเกมแดนกลาง ยิ่งทำให้ปราสาทสายฟ้าน่ากลัวขึ้นหลายเท่าตัว

– ขุมกำลังเชิงลึก : ด้วยความที่ต้องลงเล่นหลายรายการ ซีซั่น 2024-25 พวกเขาจึงนำเข้าสมาชิกใหม่มากมาย โดยเฉพาะแข้งต่างชาติที่ย้ายมาสลับสับเปลี่ยนเพื่อให้ทีมมีความสมบูรณ์มากที่สุด ซึ่งตลอดทั้งฤดูกาล ปราสาทสายฟ้าก็โรเตชั่นจนได้ลุ้น 4 แชมป์ในบั้นปลาย

– ความต่อเนื่องของแท็กติก : ออสมาร์ ลอสส์ กุนซือชาวบราซิล อาจจะใหม่สำหรับ ไทยลีก แต่เขาสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะนำระบบ 3-4-3 และ 3-5-2 มาวางโครงสร้างให้ทีม ซึ่งก็ได้ผลดีชะงัด กับการบีบพื้นที่เร็ว, คอนโทรลเกมแดนกลาง, ปิดจังหวะโต้กลับของคู่แข่ง, แปลงเกมรับเป็นให้เกมรุกด้วยความเร็วและความแม่นยำ

– เกมรุกเฉียบขาด : บุรีรัมย์ คือทีมที่มีแดนบนสุดโหด เอาเฉพาะ ไทยลีก พวกเขาก็กดไปถึง 92 ประตู และล่าสุดทั้งๆ ที่เป็นรอบรองชนะเลิศ แต่พวกเขาก็ถล่ม หนองบัว พิชญ เอฟซี 7-0 แกนนำอย่าง กีเญร์เม่ บิสโซลี่, ศุภชัย ใจเด็ด และ ลูคัส คริสปิม ที่ยิงรวมกันด้วยตัวเลข 71 ประตู ในทุกรายการ

– ผู้รักษาประตูเหนียวหนึบ : นีล เอเธอร์ริดจ์ คือ ‘ดีลคุ้มค่า’ ประจำฤดูกาล 2024-25 โดยแท้จริง ด้วยสถิติ 23 คลีนชีตจาก 46 เกม ในทุกรายการ ทั้งยังมีช็อตเซฟสวยๆ จนแนวรุกคู่แข่งได้แต่ส่ายหน้า เพราะยิงผ่านจอมหนึบทีมชาติฟิลิปปินส์ ยากเหลือเกิน

ภาพจาก : BURIRAM UNITED

[ 2 ] วิเคราะห์คู่ต่อสู้นัดชิงชนะเลิศ กง อันห์ ฮา นอย – Shopee Cup

จุดแข็ง : อล็กซานเดร โพลกิ้ง รู้จักฟุตบอลไทย เป็นอย่างดี, นักเตะเวียดนาม วิ่งสู้ฟัดตลอด 90 นาที พร้อมการเข้าสกัดที่หนักหน่วง บวกกับโควตาต่างชาติที่ยกระดับทีมอย่างชัดเจน

จุดอ่อน : ด้วยความนักเตะนำเข้าของ กง อันห์ ฮา นอย จะเกรดพรีเมียม มันจึงทำให้เกิดระยะห่างทางการเข้าใจเกมกับผู้เล่นเวียดนาม ที่แม้จะฟิตปั๋ง แต่ในแง่คุณภาพนั้นไม่สามารถพลิกสถานการณ์การแข่งขันได้

ผลเสมอจากนัดแรก ทำให้ บุรีรัมย์ ไม่เสียหายมากนัก เพราะจะได้กลับมาเล่นที่ ช้าง อารีน่า ซึ่งทำให้ความได้เปรียบทั้งหมดอยู่ที่ฝั่งปราสาทสายฟ้า แต่กระนั้นก็ไม่อาจประมาทคู่ต่อกรจากแดนเหงียนเช่นกัน เนื่องจาก กง อันห์ ฮา นอย มี อเล็กซานเดร โพลกิ้ง เป็นเฮดโค้ช อีกทั้งนักเตะเวียดนาม ก็มาพร้อมแรงขับเคลื่อนที่จะล้มสโมสรไทย ให้ได้

รูปเกมที่ออกมาน่าจะเป็นทัพเซราะกราวที่ครองบอลเหนือกว่า ทว่า ออสมาร์ ลอสส์ คงไม่ผลีผลามบุกใส่แน่ เพราะทีมเยือนเองก็มีทีเด็ดในเกมสวนกลับ ดังนั้นการแข่งขันน่าจะค่อนข้างอึดอัดพอสมควร

โอกาสที่ บุรีรัมย์ จะชนะ : หากแก้เพรสซิ่ง จนทำให้ กง อันห์ ฮา นอย เหนื่อยหน่ายที่จะวิ่งบีบพื้นที่ได้ รวมไปถึงไม่หงุดหงิดไปกับการสกัดที่หนักหน่วง – ปราสาทสายฟ้าจะพิชิตโทรฟี่ Shopee Cup และประกาศศักดาความเป็นเบอร์หนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทันที

ภาพจาก : BURIRAM UNITED

[ 3 ] วิเคราะห์คู่ต่อสู้นัดชิงชนะเลิศ เมืองทอง ยูไนเต็ด – ช้าง เอฟเอ คัพ

จุดแข็ง : ณ เวลานี้ กิเลนผยองกำลังมั่นใจสุดขีด พวกเขาเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศด้วยการล้มทีมแกร่งอย่าง แบงค็อก ยูไนเต็ด, สุโขทัย เอฟซี และ ราชบุรี เอฟซี มาได้ ทำให้ความฮึกเหิมเพิ่มพูนหลายเท่าตัว

จุดอ่อน : เมืองทอง ถูกมองว่ามีรูปแบบการเล่นที่ลงตัว อีกทั้งยังมีแนวรุกสุดอันตราย แต่พวกเขามักจะมีข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ผลการแข่งขันไม่เป็นไปตามที่ต้องการ

จาก 3 เกม ที่ บุรีรัมย์ ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ การเผชิญหน้ากับ เมืองทอง ถือเป็นงานที่ยากที่สุดสำหรับปราสาทสายฟ้า เพราะคอลูกหนังทั้งประเทศต่างรู้ดีว่าการพบกันของคู่นี้นั้นเป็นมากกว่าคำว่าฟุตบอล

นอกจากนี้ ขุนพลเซราะกราวยังต้องพะวงจากเกม Shopee Cup ที่เจอ กง อันห์ ฮา นอย อีกต่างหาก เพราะถ้าสู้กับแชมป์ วีลีก 2023 จนยืดเยื้อ มันจะไม่ส่งผลดีต่อพวกเขาแน่ในแมตช์ฟัดกิเลนผยอง

สถิติในฤดูกาล 2024-25 บุรีรัมย์ ข่ม เมืองทอง พอสมควร เพราะชนะได้ทั้งไปและกลับในลีก แต่กระนั้นในฟุตบอลถ้วย ปราสาทสายฟ้าถูกกิเลนผยองน็อกร่วง รีโว่ ลีก คัพ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาด้วยสกอร์ 0-2 ซึ่งอาจจะเป็นแผลที่ทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บแปลบก็เป็นได้

ไม่ว่าคู่นี้เจอกันที่ไหนหรือเมื่อใด ความสนุกเกิน 5 ดาวเสมอ ยิ่งเป็นนัดชิงชนะเลิศที่เดิมพันด้วยศักดิ์ศรีและโทรฟี่แชมป์ มันจึงเป็นเกมที่แฟนฟุตบอลชาวไทย ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

โอกาสที่ บุรีรัมย์ จะชนะ : นี่คือเกมที่ยากที่สุดใน 3 นัดของ บุรีรัมย์ เพราะฝั่ง เมืองทอง สู้สุดใจแน่นอน แถมอยู่ในช่วงคึกคักมากๆ ดังนั้นผลการแข่งขันจึงออกได้ทุกหน้า

ภาพจาก : Muangthong United FC. 

[ 4 ] วิเคราะห์คู่ต่อสู้นัดชิงชนะเลิศ ลำพูน วอร์ริเออร์ส – รีโว่ ลีก คัพ

จุดแข็ง : อเล็กซานเดร กามา กุนซือชาวต่างชาติที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในเมืองไทย และระบบทีมที่ลงตัว ด้วยแท็กติกที่เขี้ยวลากดินของเฮดโค้ชชาวบราซิล

จุดอ่อน : ประสบการณ์ของ ลำพูน นั้นน้อยมากๆ ซึ่งเมื่อเทียบกับ บุรีรัมย์ แล้ว คนละเรื่องเดียวกัน เนื่องจากราชันโคชาวเพิ่งเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยเป็นหนแรกในประวัติศาสตร์สโมสร

แม้การเจอ ลำพูน จะดูไม่ยากเท่าเผชิญหน้า ราชบุรี เอฟซี แต่การที่ทีมราชันโคขาวผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ ย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมี อเล็กซานเดร กามา คอยกำกับ นั้นน่าจะทำให้ปราสาทสายฟ้าพบความยากลำบากมากกว่าทั้ง กง อันห์ ฮา นอย และ เมืองทอง ยูไนเต็ด ด้วยซ้ำ

กุนซือชาวบราซิล รู้จัก บุรีรัมย์ เป็นอย่างดี เพราะเคยคุมทีมอยู่ถึง 2 คำรบ อีกทั้งการที่เขาเป็นเทรนเนอร์ที่มีกลยุทธ์แยบยล มันจึงทำให้ขุนพลเซราะกราวห้ามประมาทเป็นอันขาด

เกมรุกของ ลำพูน ใช้โอกาสไม่เปลือง พวกเขาเล่นอย่างใจเย็น เพื่อรอจังหวะที่คู่ต่อสู้จะพลั้งเผลอ ซึ่งแท็กติกลักษณะนี้มักจะได้ผลเสมอยามที่ฝั่งตรงข้ามมีความผิดพลาดเกิดขึ้น

สถิติการพบกันระยะหลังฝั่ง บุรีรัมย์ อาจจะชนะได้ 3 จาก 4 เกม แต่ทุกครั้งที่เผชิญหน้า พวกเขาต้องพบกับความลำบากกว่าจะผ่านราชันโคขาวไปได้ และยิ่งเป็นนัดชิงชนะเลิศ ความยากจะเพิ่มทวีคูณแน่นอน

โอกาสที่ บุรีรัมย์ จะชนะ : มองเผินๆ อาจดูเหมือนง่าย แต่เอาเข้าจริง นี่อาจจะเป็นเกมที่น่าอึดอัดสำหรับปราสาทสายฟ้า เพราะว่า ลำพูน มาสู้ด้วยแท็กติกล้วนๆ ซึ่งต้องวัดกันที่ใครผิดพลาดน้อยกว่ากัน อีกทั้งหากว่าพวกเขาพลาดแชมป์ใน 2 ถ้วยก่อนหน้า มันอาจจะทำให้แรงขับเคลื่อนของทีมลดถอยลงไปด้วย แต่ถ้าพุ่งชนความสำเร็จทั้งสองรายการ มันจะพลังพลังให้ทะยานสู่โทรฟี่ใบที่ 4 ของฤดูกาล 2024-25 นั่นเอง

ภาพจาก : Lamphun Warriors

ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsportth.com
Facebook : siamsportth

SiamSport TH - K

About Author

Leave a comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *