ถึงขณะนี้ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ เดินทางมาถึงอังกฤษเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนเซ็นสัญญาย้ายจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มาร่วมทีม ลิเวอร์พูล อย่างเป็นทางการในวันศุกร์นี้ภายใต้ค่าตัวมหาศาล 116 ล้านปอนด์ ทันทีที่จรดปากากับ หงส์แดง เป็นที่เรียบร้อย สตาร์ทีมชาติ เยอรมนี จะเป็นนักเตะรายที่สิบที่มีค่าตัวทะลุหลัก 100 ล้านปอนด์
ลิเวอร์พูล เวียร์ตซ์ ขอร่วมวงด้วยคน! ไรซ์ ยืนหนึ่งแข้ง 100 ล้านปอนด์ฟอร์มคุ้มค่าตัวที่สุด
แต่ก่อนที่เราจะได้รู้กันว่า เวียร์ตซ์ จะโชว์ฟอร์มกับทีมแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้อย่างคุ้มค่าเงินหรือไม่ นี่คือ 9 นักเตะที่มีค่าตัวเกิน 100 ล้านปอนด์ล้วนๆโดยที่ยังไม่รวมแอดออนซึ่งเราจะจัดอันดับฟอร์มการเล่นที่พวกเขาตอบแทนต้นสังกัดได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุดมากไปหาน้อย
9. ชูเอา เฟลิกซ์ -113 ล้านปอนด์ (เบนฟิก้า สู่ แอตเลติโก มาดริด)
หลังสร้างชื่อกับ เบนฟิก้า มาตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะเยาวชน และก้าวขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ได้แค่ซีซั่นเดียว แอตเลติโก มาดริด ก็ตัดสินใจทุ่มเงินคว้าดาวเตะโปรตุกีสมาร่วมทัพในปี 2019 ขณะที่เขามีอายุ 20 ปีป้องกันไม่ให้ เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า สองทีมร่วมลีกกระชากดาวรุ่งพุ่งแรงไปเสริมทัพ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากทีมตราหมีเสีย อ็องตวน กรีซมันน์ ให้กับถิ่น คัมป์นู ในซัมเมอร์เดียวกัน ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ นายใหญ่อาร์เจนไตน์จึงเลือกเซ็นสัญญากับ เฟลิกซ์ มาทดแทนตัวรุกเฟรนช์แมน
หลังพังประตูให้ แอตเลติโก มาดริด ได้แค่ 34 ประตูจาก 131 นัดในเวลาสี่ซีซั่น ทีมตราหมีก็ตัดสินใจโละเขาออกจากทีมด้วยสัญญายืมตัวให้กับ เชลซี และ บาร์เซโลน่า ก่อนที่เศรษฐีลอนดอนจะเซ็นสัญญากับเขาอย่างถาวรในราคา 45 ล้านปอนด์เมื่อปี 2024 แต่ก็ส่งให้ เอซี มิลาน ยืมเขาไปใช้งานในอีกไม่กี่เดือนต่อมา
8. ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ -105 ล้านปอนด์ (ลิเวอร์พูล สู่ บาร์เซโลน่า)
ช่วงที่ค้าแข้งกับ หงส์แดง คูตี้ สำแดงฝีเท้าได้อย่างเลิศเลอจึงไม่แปลกที่ทีมยักษ์ใหญ่อย่าง บาร์เซโลน่า จะแสดงความสนใจในตัวเขา
แม้จะพลาดได้ คูตี้ ไปร่วมทีมในซัมเมอร์ก่อนหน้านี้ แต่ท้ายที่สุดสโมสรจากกาตาลันกัดฟันจ่ายเงิน 105 ล้านปอนด์ฉุดเขาไปร่วมทีมในเดือนม.ค.2018 แต่ปรากฏว่าดาวเตะแซมบ้ามีปัญหาที่ต้นขาขณะตรวจร่างกายจึงทำให้เขาต้องร้างสนามไปราวสามสัปดาห์
แน่นอนว่าสุดท้ายแล้ว คูตี้ ได้แชมป์ ลา ลีกา ในซีซั่นแรกของเขากับ บาร์ซ่า แต่เจ้าตัวยิงประตูได้แค่เจ็ดเม็ดจากเกมลีก 18 นัด
ปีถัดมา คูตี้ มีฟอร์มที่แย่ลงไปอีกโดยเขาคลำเป้าได้แค่ 5 ประตูจาก 34 นัด และส่งผลให้ บาร์ซ่า ตัดสินใจส่งเขาให้ บาเยิร์น ยืมตัวในปี 2019
แถมเป็นเรื่องที่เจ็บแสบอย่างยิ่งเนื่องจาก คูตี้ ตะบันสองประตูพา เสือใต้ ถล่มต้นสังกัดของตัวเองยับเยิน 8-2 ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแปดทีมก่อนที่เขาจะได้แชมป์หูใหญ่กับทีมดังของลีกเมืองเบียร์ด้วยการพิชิต ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 1-0
คูตี้ คัมแบ็คสู่ คัมป์นู มาเล่นให้ โรนัลด์ คูมัน นายใหญ่คนใหม่ช่วงสั้นๆ และย้ายไปร่วมทีม แอสตัน วิลล่า แบบยืมตัวในเดือนม.ค.2022 ก่อนที่ สิงห์ผงาด จะเซ็นสัญญากับเขาอย่างถาวรด้วยค่าตัว 17 ล้านปอนด์ในซัมเมอร์นั้นซึ่งเป็นเม็ดเงินน้อยกว่าที่ บาร์ซ่า คว้าเขามา 88 ล้านปอนด์
7. อ็องตวน กรีซมันน์ – 107 ล้านปอนด์ (แอตเลติโก มาดริด สู่ บาร์เซโลน่า)
กรีซมันน์ ย้ายมาร่วมทีม บาร์เซโลน่า ในช่วงที่ ลิโอเนล เมสซี่ ยังค้าแข้งกับถิ่น คัมป์นู
หลังระเบิดฟอร์มฮ็อตได้กับทั้ง เรอัล โซเซียดาด และ บาร์เซโลน่า สตาร์ทีมชาติ ฝรั่งเศส ก็สถาปนาตัวเองเป็นหนึ่งในนักเตะชั้นยอดของโลก แต่อุปสรรคของเขากับ บาร์ซ่า คือการตกอยู่ใต้ร่มเงาของดาวเตะทีมชาติ อาร์เจนติน่า
และในเวลาแค่สองซีซั่น กรีซมันน์ ก็บอกลาทีมดังแห่งกาตาลันกลับมารับใช้ทีมตราหมีอีกหน
6. แจ็ค กรีลิช – 100 ล้านปอนด์ (แอสตัน วิลล่า สู่ แมนฯ ซิตี้)
หลังย้ายมาร่วมทีม เรือใบสีฟ้า ในปี 2021 ก็ถึงเวลาที่ปีกขาดริ๊งก์จะต้องมองหาทีมใหม่ในซัมเมอร์นี้หลังค้าเกือกกับมหาเศรษฐีแห่ง พรีเมียร์ลีก เป็นเวลาสี่ซีซั่น
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แสดงออกอย่างชัดเจนว่าอดีตกัปตันทีม สิงห์ผงาด ไม่อยู่ในแผนของเขาแล้วกับการกาชื่อสตาร์ชาวเมืองผู้ดีออกจากโผชุดทำศึก ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ที่อเมริกาเนื่องจากดาวเตะจอมปาร์ตี้โชว์ฟอร์มกับถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม ได้อย่างน่าผิดหวัง
แน่นอนว่า กรีลิช เป็นสมาชิกชุดคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ของ แมนฯ ซิตี้ แต่เขาไม่ใช่นักเตะตัวหลักของทีม และมีชื่อนั่งอยู่ข้างสนามเป็นส่วนใหญ่ในซีซั่นที่ผ่านมา
5. เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ – 107 ล้านปอนด์ (เบนฟิก้า สู่ เชลซี)
ถูก เชลซี ดึงตัวมาจาก เบนฟิก้า หลังพาทีมชาติ อาร์เจนติน่า คว้าแชมป์โลกมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่
แม้จะเล่นได้ไม่คุ้มค่าตัวในสองซีซั่นแรก แต่ซีซั่นที่ผ่านมา เฟร์นานเดซ เริ่มมีบทบาทมากขึ้น และสอยตาข่ายให้ สิงห์บลูส์ ได้มากกว่าสองซีซั่นแรกของเขากับรั้ว สแตมฟอร์ด บริดจ์
และที่สำคัญสตาร์ค่าตัวแพงพาทีมดังแห่งกรุงลอนดอนคว้าแชมป์ใบแรกได้แล้วจากการซิวโทรฟี่ ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก โดยในเวลานี้เขานำทีมพะบู๊อยู่ในศึก ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ
4.เนย์มาร์ -200 ล้านปอนด์ (บาร์เซโลน่า สู่ เปแอสเช)
ทีมเงินถังของ ลีกเอิง สร้างความฮือฮาจ่ายค่าฉีกสัญญาคว้าดาวยิงทีมชาติ บราซิล มาเสริมทัพซึ่งทำให้ บาร์ซ่า อ้าปากค้างด้วยไม่เชื่อว่าจะมีสโมสรไหนบ้าเลือดทุ่มเงินเซ็นสัญญากับนักเตะด้วยค่าตัวมหาศาลขนาดนี้
และด้วยเหตุที่ เนย์มาร์ ต้องการสลัดหนีการตกอยู่ใต้ร่มเงาของ เมสซี่ การย้ายทีมจึงอุบัติขึ้นอย่างไม่ยากเย็น
แม้จะพาทีม เปแอสเช ซิวแชมป์ลีกได้ห้าปีจากการตะบันประตูได้ 118 ลูกจาก 173 เกม แต่สิ่งหนึ่งที่สตาร์แซมบ้าไม่อาจมอบให้กับต้นสังกัดได้คือโทรฟี่ แชมเปี้ยนส์ลีก อย่างที่ทีมดังแห่งกรุงปารีสทุ่มเงินคว้าเขาให้มาช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป
แน่นอนว่า เนย์มาร์ พาทีมเข้าชิงดำถ้วยหูใหญ่ได้ในปี 2020 แต่ เปแอสเช เป็นได้แค่พระรองจากการพ่ายต่อ บาเยิร์น 1-0
3.มอยเซส ไกเซโด้ -100 ล้านปอนด์ (ไบรท์ตัน สู่ เชลซี)
แม้จะประเดิมสนามกับ เชลซี ได้อย่างเลวร้ายจากการลงเล่นเป็นตัวสำรอง และทำเสียลูกโทษในเกมลีกนัดพ่าย เวสต์แฮม 3-1 แต่ถึงขณะนี้ ไกเซโด้ เป็นหัวใจสำคัญของ สิงห์บลูส์ อย่างเต็มตัวแล้ว
ตกเป็นเป้าหมายของ ลิเวอร์พูล เช่นกัน แต่กองกลางทีมชาติ เอกวาดอร์ ยืนยันขอย้ายสู่ลอนดอนโดยซีซั่นที่ผ่านมาเขาลงเล่นเกมลีกให้กับสโมสรครบทุกนัด
จับคู่กับ เฟร์นานเดซ ได้อย่างลงตัว แถมมีความสารพัดประโยชน์เนื่องจากสามารถเล่นเป็นแบ็คขวาได้ และในวัย 23 ปีไม่ต้องสงสัยเลยว่าอดีตกองกลางทีม นกนางนวล จะมีฟอร์มที่พุ่งกระฉูดมากกว่าที่เป็นอยู่แน่
2. คิลิยัน เอ็มบัปเป้ – 165.7 ล้านปอนด์ (โมนาโก สู่ เปแอสเช)
ในฐานะดาวยิงอนาคตไกลของฝรั่งเศสจึงเป็นธรรมดาที่ เอ็มบัปเป้ จะได้ย้ายมาค้าแข้งกับ เปแอสเช ยักษ์ใหญ่หมายเลขหนึ่งของประเทศ
ฉันใดก็ฉันนั้น เอ็มบัปเป้ ไม่ได้ต่างอะไรกับ เนย์มาร์ เนื่องจากเขาไม่อาจพาทีมคว้าถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้แม้จะสร้างผลงานสอยตาข่ายได้ 256 ประตูจาก 308 นัดพร้อมทั้งนำทีมคว้าแชมป์ลีกเจ็ดสมัยโดยเจ้าตัวได้ตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของลีกเมืองน้ำหอมห้าครั้ง
กระหายย้ายไปร่วมทีม เรอัล มาดริด แบบฟรีๆจนส่งผลให้ เปแอสเช จำต้องรั้งตัวเขาเอาไว้ด้วยการเพิ่มค่าแรงให้สูงถึงสัปดาห์ละ 1 ล้านปอนด์กับการต่อสัญญาใหม่ในปี 2022
อย่างไรก็ดี สุดท้ายแล้วไม่มีใครขวาง เอ็มบัปเป้ ได้เนื่องจากซีซั่นที่ผ่านมาเขาได้ย้ายสู่ถิ่น เบร์นาเบว แบบไม่มีค่าตัวสมใจ
1. เดแคลน ไรซ์ – 105 ล้านปอนด์ (เวสต์แฮม สู่ อาร์เซน่อล)
อาจถูกมองว่าบ้าหากจะพูดว่า ไรซ์ โชว์ฟอร์มได้อย่างคุ้มค่าตัว 105 ล้านปอนด์ แต่จากที่เห็นเขาพัฒนาตัวเองขึ้นเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลกได้แล้วหลังย้ายจากทีม ขุนค้อน มาค้าแข้งกับ เดอะ กันเนอร์ส
ในวัย 26 ปี กองกลางทีมชาติ อังกฤษ แสดงศักยภาพกับ อาร์เซน่อล ได้สูงขึ้นลิบลับทั้งวิสัยทัศน์ในการผ่านบอล แถมมีการยิงประตูที่เด็ดขาดมากขึ้นรวมทั้งลูกฟรีคิกที่เชื่อใจได้
จะขาดก็แค่ถ้วยแชมป์กับทีม ปืนใหญ่ เท่านั้นซึ่งหากว่า ไรซ์ ทำได้สำเร็จเมื่อไหร่ เขาก็จะยืนหนึ่งในข่ายนี้ได้อย่างไร้ที่ติ